Sort by
Sort by

ปรับพฤติกรรมเพียงนิด พิชิตความเครียด

ปรับพฤติกรรมเพียงนิด พิชิตความเครียด
จากสถิติพบว่าประชากรชาวออสเตรเลียกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ยอมรับว่าตัวเองเครียด และ 43 เปอร์เซ็นต์ยอมรับว่าเครียดมาก เมื่อคิดให้ถี่ถ้วนแล้ว เราจะได้ข้อมูลว่า 9 จาก 10 คนของประชากรประเทศนี้ ต้องการการบำบัดอย่างด่วน และเราเชื่อว่าประเทศไทยก็คงมีประชากรที่เคร่งเครียดไม่มากไม่น้อยไปกว่ากัน และคุณก็อาจเป็นคนหนึ่งที่ตกอยู่ในภาวะเครียด ลองนำข้อแนะนำเหล่านี้ไปใช้ดูจะช่วยให้คุณหลุดพ้นจากความเครียดได้ค่ะ

ถ้าควบคุมไม่ได้ ก็เลิกสนใจเสีย

วิธีการต่อสู้กับความเครียดให้ชนะ อย่างแรกเลย คุณต้องแยกแยะออกมาให้ได้ว่าอะไรที่ควบคุมได้และอะไรที่ควบคุมไม่ได้ เมื่อเข้าใจความแตกต่าง คุณก็จะสามารถแยกความเครียดได้เป็น 2 ประเภท ในประเภทที่ควบคุมได้ เราแนะนำให้หาทางแก้ไขเสีย แต่ในประเภทที่ควบคุมไม่ได้ คำแนะนำก็คือต้องปล่อยให้มันเป็นไปอย่างที่ควรเป็น เพราะเครียดไปก็ไม่มีประโยชน์ ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

ความคิดของเราเองสำคัญที่สุด

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นขึ้นอยู่กับความคิดและความรู้สึกของเราโดยตรง คุณอาจโทษว่าคนนั้นผิด คนนี้ผิด คนนั้นดี คนนี้ไม่ดี แต่สุดท้ายแล้ว คนที่ต้องเผชิญกับความคิดนั้นก็คือคุณนั่นเอง ดังนั้น คุณต้องปรับระบบความคิดให้ได้ อย่าเอาแต่โทษว่าคนอื่น ปรับที่ตัวเองก่อนจะดีที่สุด และอย่าปล่อยให้ตัวเองเครียดโดยไม่จำเป็น จำไว้ว่าความคิดคือสิ่งที่ทำร้ายเราได้มากที่สุด

เรียนรู้ที่จะพูดคุยกับตัวเอง

อยากให้คุณเรียนรู้วิธีการพูดคุยกับตัวเองบ้าง ถ้าหากว่ารู้สึกเครียด ลองพูดคุยกับตัวเองดังๆ เช่น อะไรทำให้ฉันต้องเจอสถานการณ์แบบนี้เนี่ย ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น มีอะไรบ้าง ไล่เลียงลำดับไปทีละข้อ การพูดคุยกับตัวเองจะทำให้คุณได้เรียนรู้ทั้งด้านดีและร้ายในสถานการณ์ และได้รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง สิ่งที่เราคิดว่าไม่ดีหรือเลวร้าย ลองพูดออกมาดังๆ แล้วเอาตัวเข้าไปแทนคนคนนั้นดู ลองคิดว่าถ้าเป็นคุณล่ะ คุณจะทำแบบนี้เพราะอะไร คิดให้แตกต่างและแปลกใหม่ แล้วคุณจะคลายเครียดลงได้

งดเข้าสังคมบ้าง

งานวิจัยหลายชิ้นระบุว่าการเข้าสังคมบางครั้งก็ทำให้คนเราเครียดยิ่งกว่าเดิม ยกตัวอย่างเช่น เครือข่ายออนไลน์อย่างเฟสบุ๊ค มีงานวิจัยที่ให้ข้อมูลว่ายิ่งคุณมีเพื่อนมากเท่าไหร่ ความเครียดยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้เพราะ เมื่อคุณรู้สึกว่าโดนคนจำนวนมากจับตา วิธีการเขียน การพิมพ์ข้อมูล ก็จะจำกัด คุณจะคิดหน้าคิดหลังและคิดมากเวลาพิมพ์ข้อความอะไรหรือทำอะไร เพราะกลัวว่าคนอื่นๆ จะว่าเอา หรือจะไม่พอใจ กลายเป็นว่าคุณกังวลหรือระแวงว่าคนอื่นๆ อาจรู้สึกไม่ดีกับคุณ หรือแม้กระทั่งกลัวว่าข้อมูลสำคัญอาจหลุดออกไป ทำให้คุณกลายเป็นคนไม่ดีในสายตาคนอื่น หรือโดนเอาข้อมูลไป แล้วกลับมาทำร้ายในภายหลัง บางครั้ง เวลาเครียด คุณน่าจะหาเวลาอยู่คนเดียว หรืออยู่กับเพื่อนที่รู้ใจสักคนสองคน หรืออยู่กับครอบครัวอาจรู้สึกดีกว่าการพบเพื่อนจำนวนมากๆ ก็เป็นได้

แก้ไขปัญหาให้ถูกจุด

ถ้าทำตาม 4 ข้อข้างบนแล้วยังไงก็ไม่หายเครียด บางทีอาจได้เวลาที่คุณต้องหาทางแก้ไขปัญหาแล้วล่ะ ระหว่างที่คุณคิดแก้ปัญหานี้เอง จะทำให้คุณใจเย็นลง และรู้สึกว่าได้ทำอะไรลงไปบ้าง สิ่งที่เราแนะนำคือต้องใช้ทักษะการสื่อสารให้เหมาะสม เมื่อรู้สึกว่าเกิดปัญหา ลองหาทางพูดคุยกับคนรอบตัว เลือกคนที่ให้คำแนะนำได้ดี หรือคนที่รู้ปัญหาดีไม่แพ้คุณ ช่วยกันแก้ ช่วยกันคิด การพูดคุยกับเพื่อนสักคนอาจช่วยให้คุณมองปัญหาได้ลึกมากขึ้น ชัดเจนมากขึ้น และคิดเป็นระบบมากขึ้นด้วย การรับฟังมุมมองของคนอื่นก็อาจทำให้คุณเครียดน้อยลงได้เช่นกัน

เคล็ดลับผ่อนคลายสุดง่าย ลองทำดู

1. นอนบนหญ้า งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยควีนแลนด์ชี้ชัดมาว่าการนอนบนพื้นหญ้าจะช่วยผ่อนคลายความเครียดได้ และยังช่วยให้สมองปลอดโปร่ง นอกจากนี้ ยังช่วยกระตุ้นความทรงจำ ทำให้คุณจดจำได้นานขึ้น บนหญ้านั้นมีกลิ่นหอมที่จะช่วยบำบัดความเครียดให้ผ่อนคลาย ถ้าที่บ้านไม่มีสนามหญ้า ก็ไปนอนเล่นตามสวนสาธารณะก็ได้

2. เคี้ยวหมากฝรั่ง จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเมลเบิร์น การเคี้ยวหมากฝรั่งเมื่อรู้สึกเครียดจะช่วยลดความกังวลลงได้ถึง 17 เปอร์เซ็นต์ และลดความเครียดได้อีก 16 เปอร์เซ็นต์ ช่วยให้ร่างกายตื่นเต้น มีแรงกระตุ้นเพิ่มอีก 19 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะเวลาเคี้ยวหมากฝรั่ง ช่วยให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้มากขึ้น

3. ดื่มชาไปพลางฟังเพลงไปพลาง นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยลอนดอนเปิดเผยว่าคนที่ดื่มชาเป็นประจำจะลดฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียดลงได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ดื่ม การดื่มชาเป็นประจำจะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย สมองไม่ตึงเครียด ยิ่งถ้าบีบมะนาวลงไปด้วย จะยิ่งดีต่อสุขภาพมากขึ้น